จิ่วจ้ายโกว อุทยานแห่งชาติที่ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามราวกับสรวงสวรรค์ ตั้งอยู่ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ที่นี่เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ที่ๆ เต็มไปด้วยทะเลสาบสีฟ้าใส น้ำตก ทิวทัศน์ภูเขา และป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างใฝ่ฝันอยากมาเยือนสถานที่แห่งนี้ แต่หลายคนอาจสงสัยว่า “ไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกวตอนไหนดี?” วันนี้พี่เสือจะช่วยไขข้อสงสัย พาทุกคนไปสัมผัสเสน่ห์ของจิ่วจ้ายโกวในแต่ละฤดูเองฮับ!
ไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกวตอนไหนดี?
1. ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม – พฤษภาคม)
- อุณหภูมิ: 5°C – 23°C
- บรรยากาศ: อากาศเย็นสบาย ดอกไม้ป่าเริ่มผลิบาน ใบไม้เริ่มมีสีเขียว
- ไฮไลท์:
- ชมดอกไม้ป่าหลากสีสัน เช่น ดอกโบตั๋น ดอกกุหลาบป่า ดอกลิลลี่
- ทะเลสาบสีฟ้าใสกับภูเขาเขียวขจี
- โอกาสเห็นหิมะตกค้างบนยอดเขาบางจุด
- อากาศเย็นสบาย เหมาะกับการเดินป่าชมธรรมชาติ
2. ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)
- อุณหภูมิ: 13°C – 26°C
- บรรยากาศ: อากาศอบอุ่น ท้องฟ้าแจ่มใส
- ไฮไลท์:
- ทะเลสาบสีฟ้าสดใส สะท้อนแสงแดดระยิบระยับ
- น้ำตกสวยงาม ป่าไม้เขียวขจี
- เหมาะสำหรับการเดินป่า ชมธรรมชาติ
- กิจกรรมทางน้ำ เช่น ล่องเรือ
3. ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – ตุลาคม)
- อุณหภูมิ: 10°C – 23°C
- บรรยากาศ: อากาศเย็นสบาย ใบไม้เปลี่ยนสี
- ไฮไลท์:
- ช่วงไฮไลท์
- ทิวทัศน์สุดอลังการกับใบไม้หลากสีสัน
- เหมาะสำหรับการถ่ายรูป
- อากาศเย็นสบาย
4. ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์)
- อุณหภูมิ: -3°C – 12°C
- บรรยากาศ: อากาศหนาวเย็น ภูเขาปกคลุมด้วยหิมะ
- ไฮไลท์:
- ทิวทัศน์ขาวโพลน
- ทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็ง
- เหมาะสำหรับการเล่นสกี
- อากาศหนาวเย็น เหมาะกับผู้ชื่นชอบบรรยากาศหิมะ
เวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวจิ่วจ้ายโกว
ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายนถึงมิถุนายน) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงพฤศจิกายน) ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในจิ่วจ้ายโกว ด้วยอุณหภูมิตั้งแต่ 10°C ถึง 23°C ฤดูกาลเหล่านี้จึงแสดงสีสันของฤดูใบไม้ผลิได้อย่างสวยงามที่สุด คุณจะได้เห็นสีสดของดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน ในขณะที่พอเข้าใกล้ฤดูใบไม้ร่วง สีสันและบรรยากาศของใบใบไม้เปลี่ยนสีให้เป็นเฉดสีแดงและสีทองอย่างงดงาม
สรุป: ไปเที่ยวจางเจียเจี้ยตอนไหนดี?
- ฤดูใบไม้ร่วง เป็นช่วงเวลาที่ “ดีที่สุด”
- อากาศเย็นสบาย
- ทิวทัศน์สวยงาม
- นักท่องเที่ยวไม่หนาแน่น
- ฤดูใบไม้ผลิ เหมาะกับผู้ชื่นชอบดอกไม้ป่า
- ฤดูร้อน เหมาะกับการเดินป่า ชมธรรมชาติ
- ฤดูหนาว เหมาะกับผู้ชื่นชอบบรรยากาศหิมะ
แต่เอาจริงๆ นะ พี่เสือว่า จิ่วจ้ายโกวสวยงามและน่าไปเยือนทุกฤดู ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวนะฮับ!
ทะเลสาบกระจกสุดตระการตา
ด้วยพื้นที่ 190,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,390 เมตร จากระดับน้ำทะเลด้วยความสงบของทะเลสาบ บวกกับทิศของแสงและการหักเหของเงาบนพื้นน้ำ ทำให้เกิดทัศนียภาพอันสวยงามที่เกิดมาจากการสะท้อนของสภาพแวดล้อมในบริเวณทะเลสาบ การันตี ว่าสามารถนั่งดูวิวทิวทัศน์ได้เป็นชั่วโมงโดยไม่เบื่อ
เรื่องน่ารู้: คนในพื้นที่เชื่อว่าความใสของน้ำมีความสำคัญทางจิตวิญญาณ ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับประกอบพิธีกรรม
ทะเลสาบนกยูง
ทะเลสาบนกยูงเป็นศูนย์รวมของความงามอันมีชีวิตชีวา สีสันมากมายที่แสดงบนพื้นผิว ตั้งแต่เฉดสีฟ้าไปจนถึงเทอร์ควอยซ์และสีเขียว ชวนให้นึกถึงขนนกยูง การเยี่ยมชมในช่วงเที่ยงวันจะช่วยให้แสงแดดดึงสีสันออกมาได้อย่างเจิดจ้าที่สุด
กิจกรรม: เหมาะสำหรับการปิกนิกริมทะเลสาบ ต้องขอบคุณสิ่งอำนวยความสะดวกในบริเวณใกล้เคียง
ทะเลสาบไผ่ลูกศร
ด้วยรูปร่างของทะเลสาบซึ่งมีความคล้ายกับลูกศร บวกกับทัศนียภาพที่ถูกรายล้อมไปด้วยป่าไผ่ ตัดกับทิวทัศน์ภูเขาอันสวยงาม ทะเลสาบนี้ยังโดดเด่นในเรื่องของน้ำที่ใสเหมาะแก่การเก็บภาพเป็นอย่างมาก
เคล็ดลับ: สถานที่นี้คุณอาจมีโอกาสเห็นสัตว์ท้องถิ่น และเป็นที่ที่นักดูนกนิยมมาศึกษาและเก็บภาพ
ทะเลสาบแพนด้า
โปรดระวัง! คุณอาจได้เจอกับแพนด้า! ใช่แล้วครับ ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของแพนด้ายักษ์ ซึ่งพวกน้องจะอาศัยอยู่ในป่าไผ่บริเวณรอบรอบนั่นเอง นอกจากนี้ทะเลสาบยังมีสีมรกต ที่เกิดจากความ นิ่งสงบและใสสะอาดของผิวน้ำ สะท้อนให้เห็นถึงพืชพันธุ์ธรรมชาติที่อยู่ใต้น้ำ หากใครโชคดีได้เห็นหมีแพนด้าฝากเก็บรูปมาฝากพี่เสือด้วยนะฮับ!
เรื่องน่ารู้: ทะเลสาบมีรูปร่างคล้ายกับหมีแพนด้าที่กำลังหงายท้องอยู่ จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เขาตั้งชื่อว่าเป็นทะเลสาบแพนด้า
ทะเลสาบห้าดอกไม้
ที่นี่คุณจะได้พบกับสีสันอันสวยงามของทะเลสาบ ไม่ว่าจะเป็น สีเขียว เหลือง น้ำเงิน และเทอร์ควอยซ์ ทะเลสาบห้าดอกไม้ถูกตั้งชื่อตามดอกไม้ 5 ชนิดที่บานสะพรั่ง อันได้แก่ ดอกบัว แห้ว พุ่มน้ำ ดอกบัว และวัชพืชน้ำ นอกจากนี้ ด้วยความใสของน้ำทำให้คุณสามารถเห็นต้นไม้ที่เก่าแก่อยู่ภายใต้ทะเลสาบอย่างสวยงาม
รู้หรือไม่: สีนี้เป็นผลมาจากการสะสมของแร่ธาตุและชีวิตของพืชน้ำ และจะมีสีสันแตกต่างกันตามฤดูกาลและช่วงเวลา
ทะเลสาบแรด
ที่นี่ใหญ่เป็นอันดับสองในจิ่วจ้ายโกว รองจากทะเลสาบหลง ทะเลสาบนี้ตั้งชื่อตามตำนานที่ว่าลามะชาวทิเบตขี่แรดเข้าไปในทะเลสาบแล้วหายตัวไป โดยทิ้งเขาไว้บนฝั่ง ทะเลสาบมีสีฟ้าใสและล้อมรอบด้วยยอดเขาสูงชันที่ปกคลุมด้วยหิมะ ทะเลสาบแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของต้นไม้ขนาดยักษ์จำนวนมากที่ลอยอยู่ในน้ำได้ครึ่งหนึ่งและจมลงครึ่งหนึ่ง
ทะเลสาบหลง
ทะเลสาบหลงเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุด สูงที่สุด และลึกที่สุดในจิ่วจ้ายโกว มีความยาว 7.5 กม. และลึกถึง 103 ม. ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 3,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทะเลสาบเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวและมีสีฟ้าใส ทะเลสาบล้อมรอบด้วยยอดเขาสูงชันที่ปกคลุมด้วยหิมะและต้นไม้โบราณ ว่ากันว่าเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณที่จมอยู่ใต้น้ำและมีสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่ก้นทะเลสาบแห่งนี้
น้ำตกเพิร์ลโชล
น้ำตก Pearl Shoal เป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ที่สุดในจิ่วจ้ายโกว ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,433 เมตรจากระดับน้ำทะเล น้ำตกมีความกว้าง 162.5 เมตร สูง 40 เมตร ไหลลงมาจากสันดอนที่ปกคลุมไปด้วยก้อนกรวดหลากสีสันที่มีลักษณะคล้ายไข่มุก จึงเป็นที่มาของชื่อ น้ำตกแห่งนี้มักพบเห็นเป็นสายรุ้งบนท้องฟ้าเมื่อมีแสงแดดสาดส่องลงมา คุณจะเห็นหยดน้ำจากน้ำตกที่มีลักษณะคล้ายไข่มุกที่กระโดดออกมาจากโขดหินและสันดอนตามสมญานามของมันเลยทีเดียว
เคล็ดลับการถ่ายภาพ: ใช้โหมด Shutter B ของกล้อง เพื่อเก็บภาพสายน้ำตกแบบทอดยาว
อยากไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกวแล้วใช่ไหมล่ะ?
จากที่กล่าวมาข้างต้น คุณจะได้เห็นว่าจิ่วจ้ายโกวนอกจากมีธรรมชาติที่สวยงามน่าทึ่ง ก็ยังมีเรื่องราวตำนานที่มาจากความเชื่อของคนในท้องถิ่น ยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้ยิ่งมีเสน่ห์และน่าค้นหา และสำหรับใครที่กำลังวางแผนอยากไปทริปทัวร์จิ่วจ้ายโกว หวงหลง สามารถคลิกที่นี่ได้เลย: https://www.flashtour.co/chengdu-tour